โทรหาเราตอนนี้ :

064-194-2429

อีเมล :

hairmedth@gmail.com

ที่อยู่ :

558 Phetkasem

ยาคุมกำเหนิดทำให้ผมร่วงได้จริงหรือไม่ ??

ยาคุมกำเหนิดทำให้ผมร่วงได้จริงหรือไม่

ยาคุมกำเนิด สามารถส่งผลต่อสุขภาพเส้นผมได้ในบางกรณี เนื่องจากฮอร์โมนที่อยู่ในยาคุมมีบทบาทสำคัญต่อการทำงานของรูขุมขนและการเจริญเติบโตของเส้นผม โดยอาการผมร่วงอาจเกิดจากสาเหตุดังนี้:

1. ผลจากการเปลี่ยนแปลงฮอร์โมน

  • ยาคุมกำเนิดบางชนิด (โดยเฉพาะยาที่มีโปรเจสตินชนิดที่ส่งผลใกล้เคียงกับแอนโดรเจน) อาจทำให้ฮอร์โมนแอนโดรเจนในร่างกายเพิ่มขึ้น ส่งผลให้ผมบางลงหรือผมร่วงแบบ androgenetic alopecia ซึ่งคล้ายกับอาการผมร่วงจากพันธุกรรม
  • ในบางคน การหยุดใช้ยาคุมกำเนิดก็อาจทำให้เกิดอาการ Telogen Effluvium (ผมร่วงชั่วคราว) เนื่องจากฮอร์โมนเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว

2. ปฏิกิริยาเฉพาะบุคคล

  • ร่างกายของแต่ละคนตอบสนองต่อยาคุมแตกต่างกัน บางคนอาจมีอาการผมร่วงหลังเริ่มใช้หรือเปลี่ยนสูตรยาคุมใหม่

3. ปัจจัยอื่นร่วม

  • ความเครียด ขาดสารอาหาร หรือโรคประจำตัว เช่น โรคไทรอยด์ อาจทำให้ผมร่วงได้ และอาจเข้าใจผิดว่าเป็นผลมาจากยาคุมกำเนิด

วิธีป้องกันและแก้ไข

  1. เลือกยาคุมกำเนิดที่เหมาะสม
    ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อเลือกยาคุมที่มีผลกระทบต่อเส้นผมน้อย เช่น ยาคุมที่มีฮอร์โมนเอสโตรเจนสูงกว่าโปรเจสตินที่มีฤทธิ์แอนโดรเจน
  2. ตรวจร่างกายและวิเคราะห์ปัญหา
    หากมีอาการผมร่วงอย่างรุนแรง ควรพบแพทย์เฉพาะทางเพื่อประเมินสาเหตุและได้รับการรักษาอย่างเหมาะสม
  3. ดูแลสุขภาพเส้นผม
    รับประทานอาหารที่มีโปรตีน วิตามิน B, C, D และธาตุเหล็กเพียงพอ เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้เส้นผม

ถ้าคุณมีประวัติผมร่วงหรือกังวลเกี่ยวกับสุขภาพเส้นผมหลังใช้ยาคุมกำเนิด ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาแนวทางที่เหมาะสม 😊

  • ปรึกษาฟรี👉HAIR MED CLINIC
  • สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม :  ☎️064-194-2429 LINE: @‌hairmed INSTAGRAM: hairmedth FACEBOOK: HAIR MED Hair Center by Nawakasem #HAIRMEDCLINIC #หมอเจมส์ปลูกผมHAIRMED #HAIRMEDปลูกผม #ปลูกผมHAIRMED #ปลูกผมถาวรFUE #ปลูกผมถาวร DHI #ผมบาง #หัวล้าน #ผมร่วง #คลินิกปลูกผม #haircenter #hairmedhaircenter #fuehairtransplant #ปลูกผมดิแฮร์

ติดตามข่าวสาร

สมัครรับจดหมายข่าวและกิจกรรมของเราทันทีเพื่อรับการอัปเดต

โพสต์ที่เกี่ยวข้อง