การปลูกผมเป็นทางเลือกที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ สำหรับผู้ที่ประสบปัญหาผมบางหรือศีรษะล้าน แต่หลายคนอาจผิดหวังเมื่อพบว่าหลังการปลูกผม ผมกลับไม่ขึ้นตามที่คาดหวัง หรือขึ้นไม่เต็มที่ บทความนี้จะพาคุณไปดูสาเหตุที่อาจทำให้การปลูกผมไม่ได้ผลเท่าที่ควร
1.สุขภาพของรากผมไม่ดี
แม้ว่าจะมีการย้ายรากผมจากบริเวณที่แข็งแรง (เช่น ด้านหลังศีรษะ) ไปยังบริเวณที่ผมบาง แต่ถ้ารากผมที่ย้ายมาไม่แข็งแรงพอ หรือเกิดความเสียหายระหว่างกระบวนการปลูก ผมก็อาจไม่ขึ้นหรือขึ้นได้ไม่เต็มที่
2.เลือกวิธีปลูกผมที่ไม่เหมาะสม
การปลูกผมมีหลายวิธี เช่น FUE (Follicular Unit Extraction), FUT (Follicular Unit Transplantation) หรือเทคนิคใหม่ ๆ อย่าง DHI หากเลือกวิธีที่ไม่เหมาะสมกับลักษณะผมหรือสภาพหนังศีรษะ ก็อาจส่งผลให้ผลลัพธ์ไม่เป็นไปตามคาด
3.การดูแลหลังปลูกผมไม่ดี
หลังการปลูกผมต้องดูแลเป็นพิเศษ เช่น หลีกเลี่ยงการโดนแดดจัด งดการขยี้หรือเกาหนังศีรษะ และหลีกเลี่ยงการใช้สารเคมีในระยะเวลาแรก หากดูแลไม่ดี อาจทำให้รากผมใหม่ไม่สามารถเจริญเติบโตได้
4.ปัจจัยทางสุขภาพ
ผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือภาวะฮอร์โมนผิดปกติ อาจทำให้การเจริญเติบโตของเส้นผมไม่ดี หรือระบบไหลเวียนโลหิตที่ไปเลี้ยงรากผมไม่เพียงพอ
5.ความคาดหวังที่ไม่สมจริง
เส้นผมที่ปลูกใหม่อาจต้องใช้เวลา 6-12 เดือนจึงจะเห็นผลอย่างชัดเจน บางคนอาจรีบร้อนหรือคาดหวังผลลัพธ์เร็วเกินไป ทำให้รู้สึกว่าผม “ไม่ขึ้น” ทั้งที่ในความจริงคือยังไม่ถึงระยะเวลาเหมาะสม
6.ปัญหาทางพันธุกรรมหรือฮอร์โมน
แม้จะปลูกผมสำเร็จ แต่หากรากผมใหม่ยังได้รับอิทธิพลจากฮอร์โมน DHT ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของผมร่วงจากพันธุกรรม ผมใหม่อาจหลุดร่วงอีกในภายหลัง
หากคุณมีคำถามเพิ่มเติมหรืออยากเข้าปรึกษาแพทย์เพื่อขอคำแนะนำโดยตรงกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ 😊
ปรึกษาฟรี👉HAIR MED CLINIC
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม : ☎️064-194-2429 LINE: @hairmed INSTAGRAM: hairmedth FACEBOOK: HAIR MED Hair Center by Nawakasem #HAIRMEDCLINIC #หมอเจมส์ปลูกผมHAIRMED #HAIRMEDปลูกผม #ปลูกผมHAIRMED #ปลูกผมถาวรFUE #ปลูกผมถาวร DHI #ผมบาง #หัวล้าน #ผมร่วง #คลินิกปลูกผม #haircenter #hairmedhaircenter #fuehairtransplant #dhihairtransplant